Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2562

คนอึดตายยากJacob Miller อดีตทหารผู้รอดชีวิตในสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ถูกยิงเข้ากลางหน้าผาก


เรื่องประหลาดชวนอึ้งเมื่องครั้งสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ที่คนอเมริกันมีความเห็นไม่ตรงกันนำไปสู่การสู้รบกันเองในสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น มีทหารอาสารอดชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิงเข้ากลางหน้าผาก

หนึ่งการรบกันเองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา หรือสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1861-1865 ภายหลังจากการที่ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นขึ้นรับตำแหน่งได้ไม่นาน โดยอเมริกาแบ่งแยกกันเป็นสองฝ่ายคือ รัฐทางฝ่ายเหนือ หรือ “รัฐบาลสหรัฐ” ที่ดูแลโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัฐทางฝ่ายใต้เป็นรัฐที่แต่งตั้งด้วยการร่วมตัวกันเป็น “สมาพันธรัฐอเมริกา” 
จำนวน 7 รัฐ

เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองโดยเฉพาะนโยบาย “ยกเลิกทาส” ที่รัฐทางใต้มองว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบเพราะทาสเป็นแรงงานที่จำเป็นอย่างมากในเมืองเกษตรกรรม จึงประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลสหรัฐฯ ง่ายๆ คือ รัฐทางใต้จะขอปกครองกันเอง ฝ่ายเหนือเอ็งไม่ต้องมายุ่ง

เป็นชนวนนำไปสู่สงครามที่ยืดเยื้อกว่าสี่ปี มีทหารและประชาชนสหรัฐอเมริกาของทั้งสองฝ่ายล้มตายกันเป็นจำนวนมากข้อมูลระบุว่าอาจสูงถึง 620,000 คนและบาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน และหนึ่งในผู้รอดชีวิตของทหารอาสาของฝ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ คือนายเจคอบ มิลเลอร์ ที่ใครจะเชื่อว่าการยิงปืนเข้ากลางหน้าผากไม่สามารถทำอะไรเขาได้ 

จากการปะทะกับทหารของสมาพันธรัฐอเมริกา ที่สมรภูมิชิคามัวกา (Chikamauga) ในรัฐเวอร์จิเนีย เจคอบถูกกระสุนพุ่งเข้ากลางหน้าผากเต็มๆ ก่อนที่หน่วยของเขาจะถอยทัพกลับไปเนื่องจากคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้ว เขาเล่าว่าเขาสลบไปแต่เมื่อตื่นมาก็รู้สึกชาไปพร้อมเลือดอาบไปทั้งตัว และรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายศัตรูจึงพยุงตัวเองแล้วหาหนทางจนเดินกลับไปยังฝั่งตัวเองได้สำเร็จชนิดที่เพื่อนทหารเองก็คาดไม่ถึง

ท้ายที่สุดรัฐทางเหนือ (รัฐบาลสหรัฐฯ) สามารถปราบฝ่ายใต้จนสำเร็จและประธานาธิบดีสหรัฐฯ อับราฮัม ลินคอล์นก็สามารถผลักดันกฎหมายเลิกทาสได้สำเร็จ ภายหลังจากเสร็จสิ้นสงคราม นายเจคอบ มิลเลอร์ได้รับเหรียญรางวัลในวีรกรรมที่กล้าหาญของทหารอาสา และยังคงใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ได้รับการผ่าตัดกระสุนออกเนื่องจากหมอคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป 

เขาจึงต้องใช้ชีวิตโดยมีกระสุนอยู่ในหัวไปอีก 54 ปี และเสียชีวิตลงด้วยอายุ 77 ปี หากจะเรียกคนไหนว่าตายยากลุงรายนี้ต้องมีชื่อติดอยู่ด้วยแน่นอน

รายการบล็อกของฉัน