Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Female students aged 87 years, her name is Rose.

Female students aged 87 years, her name is Rose.
===นักศึกษาหญิงวัย 87 ปี เธอชื่อ โรส===
วันเปิดเรียนวันแรกอาจารย์แนะนำตัวเอง แล้วให้เราหันไปทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นในห้องที่เรายังไม่รู้จัก
 ผมลุกขึ้นยืน เพื่อมองหาคนที่จะเข้าไปทำความรู้จัก แล้วรู้สึกว่ามีมือมาแตะไหล่ผม
ผมหันไปมองและพบหญิงชราหน้าเหี่ยวย่นมองผมอยู่ พร้อมส่งรอยยิ้มที่เปล่งแสงโชติช่วงสว่างไสว
เธอพูดว่า "สวัสดี พ่อหนุ่ม ฉันชื่อ โรส ฉันอายุ 87 ปี ขอกอดเธอซักทีได้มั้ย"
ผมหัวเราะแล้วตอบอย่างเต็มเสียงว่า "ได้แน่นอนเลยครับ"โรสกอดผมอย่างเต็มแรง

ผมหยอกเธอว่า "ทำไมถึงมาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในตอนที่อายุยังน้อยนิดและไร้เดียงสาอย่างนี้ล่ะครับ
"เธอตอบแกมตลกกลับมาว่า "ฉันมาที่นี่เพื่อหวังหาสามีรวยแต่งงาน และมีลูกสักสองสามคน..."
ผมพูดถามกลับไปว่า "ผมถามจริงๆ ครับ" เพราะอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอมาเรียนหนังสือเมื่ออายุปูนนี้แล้ว
เธอตอบว่า "ฉันฝันมาตลอดชีวิตว่าจะต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้ แล้วตอนนี้ฉันก็มาอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยนี่แล้ว"

หลังเลิกเรียนเราเดินไปโรงอาหารแล้วซื้อมิลค์เชคมาแบ่งกันทาน เรากลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
ตลอดเวลาสามเดือนต่อมา หลังเลิกเรียนเราจะคุยกันจ้อไม่หยุดปาก ผมจะรู้สึกอึ้งและทึ่งกับ "เครื่องจักรย้อนเวลา" คนนี้ทุกครั้งที่เธอเล่าแบ่งปันปัญญาและประสบการณ์ชีวิตให้ผมฟัง
ตลอดปีการศึกษา คุณยายโรสกลายเป็นคนดังในมหาวิทยาลัย และเธอมีเพื่อนอย่างง่ายดายในทุกที่ที่เธอไป คุณยายมักแต่งตัวดีๆ และรู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่นักศึกษาคนอื่นๆ ให้ความสนใจ เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างคุ้มค่า
ในตอนปลายภาค เราเชิญเธอให้มากล่าวปฐกถาที่งานเลี้ยงชมรมฟุตบอลของเรา ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เธอสอนเราในวันนั้นเลย
วันนั้น พอเรากล่าวแนะนำเธอ เธอก็เดินไปที่แท่นปฐกถา พอจะเริ่มพูดเธอก็ทำกระดาษโพยเล็กๆหลายใบตกพื้นเธอหงุดหงิดและออกจะเขินเล็กน้อย ชะโงกหน้าเข้าหาไมโครโฟนและพูดติดตลก
เรียบๆว่า "ฉันต้องขอโทษด้วยนะที่มือไม้สั่นไปหน่อย แม้ว่าฉันจะไม่ดื่มเบียร์แล้ว....แต่ก็ยังโดนวิสกี้เล่นงานซะงอมเลย ฉันคงเรียงกระดาษโพยกลับเข้าที่ไม่ได้แน่ งั้นก็ขอพูดสดเรื่องที่ฉันรู้ก็แล้วกันนะ
ระหว่างที่เราหัวเราะ เธอก็กระแอมไอแล้วเริ่มต้นพูดว่า
"คนเราไม่ได้เลิกเล่นสนุกเพราะเราแก่ตัวหรอก แต่เราแก่ตัวเพราะเราเลิกเล่นสนุกต่างหาก มีความลับเพียง 4 ข้อที่คนเราจะคงความหนุ่มสาว มีความสุขและประสบความสำเร็จอยู่ได้ คือ:
เราต้องหัวเราะและหาอารมณ์ขันทุกวัน
เราต้องมีความฝัน ถ้าเราสูญเสียความฝัน เราก็ตาย ทุกวันนี้มีคนมากมายที่เดินไปมาเหมือนคนที่ตายไปแล้ว โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวซะด้วย มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการมีอายุมากขึ้น กับการเจริญเติบโตขึ้น ถ้าเธออายุ 19 และได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย เมื่อหนึ่งปีผ่านไป เธอก็จะมีอายุ 20 ปีอยู่ดี ถ้าฉันอายุ 87 แล้วก็อยู่ไปวันๆ เป็นเวลาหนึ่งปีฉันก็จะมีอายุมากขึ้นหนึ่งปีเหมือนกัน ใครๆก็มีอายุมากขึ้นได้เหมือนๆกันทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้พรสวรรค์หรือความสามารถอะไรเลยก็ทำได้ ประเด็นสำคัญคือคนเราต้องอายุมากขึ้นพร้อมกับเติบโตขึ้น โดยต้องแสวงหาโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง จงเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องมารู้สึกเสียใจภายหลังที่ไม่ได้ทำ คนเฒ่าคนแก่มักไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปในอดีตแต่จะเสียใจกับเรื่องที่ไม่ได้ลงมือทำต่างหาก คนแก่ที่กลัวตายก็คือคนที่ยังมีความเสียใจนี้อยู่นั่นเอง"

เธอจบปฐกถาโดยร้องเพลงที่ชื่อ "The Rose" อย่างกล้าหาญ และท้าทายให้พวกเราศึกษาเนื้อเพลงและใช้ชีวิตตามเนื้อเพลงนั้นทุกๆวัน
ในที่สุดคุณยายโรสก็เรียนจบ

...และหลังจากรับปริญญาได้หนึ่งอาทิตย์ คุณยายโรสก็จากเราไปอย่างสงบในขณะที่นอนหลับสนิท

นักศึกษากว่าสองพันคนเข้าร่วมพิธีศพของเธอเพื่อคารวะผู้หญิงที่สุดวิเศษคนนี้ ที่ได้สอนเราโดยทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า "ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่เราจะเป็นในทุกอย่างที่เราสามารถจะเป็นได้"

(เรียบเรียงไทย:หัชพันธ์จาก Learning Petals)
หมายเหตุจากผู้เรียบเรียงไทย: มีผู้กรุณาแจ้งมาว่า รูปนี้ไม่ใช่รูปของคุณยายโรส แต่เป็นรูปคุณยาย Nola ซึ่งเป็นคุณยายที่สุดวิเศษอีกหนึ่งท่าน เพราะเข้าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 96 ปี.....
ขอคารวะคุณยายด้วยเช่นกันครับ

เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย musa

รายการบล็อกของฉัน