Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

'วลาดิเมียร์ พลาวิก' วีรบุรุษเชอร์โนบิล! ผู้สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้คนนับล้านจากโศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มรณะ

'วลาดิเมียร์ พลาวิก' วีรบุรุษเชอร์โนบิล! ผู้สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้คนนับล้านจากโศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มรณะ

อาจฟังดูเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หมวดพลาวิกและตำรวจดับเพลิงอีกหลายนายที่เสียชีวิต แต่อย่างน้อยการเสียสละของเหล่าผู้กล้าก็ทำให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

หลายคนอาจยังคงจดจำโศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลระเบิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ.1986 จนทำให้ทางการโซเวียตต้องระดมกำลังพลจากกองทัพและพลเรือนในการอพยพผู้คนนับแสนคนจากพื้นที่เสี่ยงภัยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ยังมีกลุ่มคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษผู้เสียสละ และถ้าหากขาดคนกลุ่มนี้ไป บางทีหายนะจากเหตุการณ์โรงไฟฟ้าระเบิดที่เชอร์โนบิลอาจรุนแรงกว่าที่เป็น และพวกเขาก็คือกลุ่มตำรวจดับเพลิง ที่เป็นคนกลุ่มแรกที่เข้าไปในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพื่อดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้

และหนึ่งในวีรบุรุษผู้กล้าหาญและเสียสละตนเองเพื่อผู้คนอีกจำนวนหลายล้านคนทั้งในโซเวียตและทั่วโลก เห็นจะไม่พ้น วลาดิเมียร์ พลาวิก ผู้หมวดหนุ่มวัย 24 ปี แห่งสถานีดับเพลิงเชอร์โนบิล ที่มาเข้าเวรตามปกติที่สถานี เขาใช้เวลาไปกับการทบทวนวิธีการดับเพลิงทั้งภาคปฏิบัติและทฤษฎีเพื่อเตรียมความพร้อม และใช้เวลาในยามว่างด้วยการดูวอลเลย์บอลและดูโทรทัศน์ ก่อนนอนพักที่สถานี

ในช่วงตีหนึ่งครึ่งของวันเสาร์ที่ 26 เมษายน ค.ศ.1986 ผู้หมวยดพลาวิกตื่นขึ้นหลังได้ยินเสียงเตือน เมื่อทราบว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมจึงรีบมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อทำหน้าที่ของตน แน่นอนว่าผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมรู้ดีว่าเตาปฏิกรณ์หมายเลขสี่ภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เกิดระเบิด และภารกิจของเขาก็คือการควบคุมเพลิงภายใต้กัมมันตรังสีที่รั่วไหล เมื่อสถานการณ์เริ่มบานปลาย ผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมเริ่มแสดงอาการจากการสัมผัสสารกัมมันตรังสีโดยตรง เขาจึงเรียกกำลังเสริมจากเมืองพริฟยาตและเมืองเคียฟที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือ

ผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมไม่สามารถปฏิบัติงานได้อีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาสัมผัสกับกัมมันตรังสีโดยตรง พวกเขาถูกนำตัวส่งเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อขั้นสูงสุด ทีมแพทย์ของโซเวียตได้นำตัวอย่างเนื้อเยื่อหัวใจมาส่องกล้องจุลทรรศน์ ก็พบว่าเกิดความผิดปกติอย่างรุนแรงภายในเซลล์ของเขาและลูกทีม ที่เกิดจากการปนเปื้อนกัมมันตรังสี และทีมแพทย์ก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีทางใดที่จะรักษาชีวิตผู้หมวดพลาวิกได้เลย

ผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมได้รับการฉีดมอร์ฟีนและตัวยาชนิดอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทีมของพวกเขาทั้งหมดจะต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อฟื้นฟูการสร้างเม็ดเลือดใหม่ เพื่อหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของผู้หมวดพลาวิกและลูกทีมได้บ้าง แต่มันก็สูญเปล่า

ผู้หมวดพลาวิกต้องทนทุกข์กับอาการแทรกซ้อนมากมายที่เกิดจากการสัมผัสถูกกัมมันตรังสีโดยตรง นัยน์ตาสีน้ำตาลของเขากลายเป็นสีฟ้า ระบบทางเดินอาหารล้มเหลว ปอดบวม เส้นผมหลุดร่วง ผิวหนังหลุดลอกเป็นชิ้น ๆ หลังจากนั้นลิ้นของเขาก็บวมและต่อมน้ำลายก็หยุดการทำงานจนทำให้เขาไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป

ทีมแพทย์ได้กักตัวผู้หมวดพลาวิกไว้บนเตียงเย็นโดยมีกรอบโลหะปิดกั้นเอาไว้ ผิวหนังของเขาถูกเผาไหม้คล้ายเกิดจากไฟ ผู้หมวดพลาวิกเสียชีวิตในอีก 15 วันให้หลัง โดยศพของเขาถูกผนึกเอาไว้ในโลงศพสังกะสีอย่างดี และถูกนำไปฝังที่สุสานในกรุงมอสโกและเทคอนกรีตป้องกันเป็นอย่างดี

ภายหลังทางการโซเวียตได้ทำการยกย่องผู้หมวดพลาวิกและสมาชิกตำรวจดับเพลิงอีกหลายนายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นวีรบุรุษของชาติ พร้อมกับมอบเหรียญกล้าหาญเชิดชูเกียรติในความเสียสละอย่างสูงของพวกเขา เพื่อชาวโซเวียตและมวลมนุษยชาติอีกหลายล้านคนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์กัมมันตรังสีรั่วไหลจากโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล

อาจฟังดูเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หมวดพลาวิกและตำรวจดับเพลิงอีกหลายนายที่เสียชีวิต แต่อย่างน้อยการเสียสละของเหล่าผู้กล้าก็ทำให้ชนรุ่นหลังได้รำลึกถึงและหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีก

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

นักโบราณคดีรายงานการพบมัมมี่เด็ก 6 รายในเปรู อายุราว 1,000-1,200 ปี ในหลุมฝังศพใกล้ Lima

นักโบราณคดี ขุดพบมัมมี่เด็ก 6 รายในเปรู อายุราว 1,000-1,200 ปี คาดถูกสังเวยเพื่อเดินทางไปพร้อมกับขุนนาง สู่โลกหลังความตายเมื่อ1000 ปีก่อน

นักโบราณคดีรายงานการพบมัมมี่เด็ก 6 รายในเปรู อายุราว 1,000-1,200 ปี ในหลุมฝังศพใกล้ Lima โดยคาดว่าเป็นการสังเวยชีวิตเพื่อติดตามขุนนางชนชั้นสูงไปยังโลกหลังความตาย

นักโบราณคดีได้ขุดพบโครงกระดูกขนาดเล็ก พันผ้าแน่นหนาในสุสานบุคคลสำคัญในแหล่งโบราณ Cajamarquilla ที่ห่างจาก Lima เมืองหลวงของเปรูราว 24 กิโลเมตร

Pieter Van Dalen นักโบราณคดีเผยว่าเด็กเหล่านี้อาจเป็นญาติใกล้ชิด และถูกนำมาไว้ในอีกด้านของทางเข้าสุสานของมัมมี่ขุนนางชนชั้นสูง โดยอาจเป็นเครื่องสังเวยเพื่อเดินทางไปยังโลกหลังความตายกับมัมมี่ดังกล่าว

Cajamarquilla เป็นเมืองโบราณสร้างโดยดินโคลนในช่วง 200 BC และมีการอาศัยอยู่จนกระทั่งปีค.ศ. 1500 และอาจมีผู้อาศัยอยู่ราว 10,000 - 20,000 คน

ในพื้นที่ใกล้เคียงกันนี้ทางคณะยังได้ขุดพบโครงกระดูก 7 ราย เครื่องเคลือบดินเผา และซากสัตว์คล้ายลามา

ฟลอริดาเผยภาพยุง 1 ล้านตัว ที่ดักจับในโครงการควบคุมยุง

ฟลอริดาเผยภาพยุง 1 ล้านตัว ที่ดักจับในโครงการควบคุมยุง

LIFE: Lee County Mosquito Control ในฟลอริดาเผยภาพยุง 1 ล้านตัว ที่ดักจับบน Sanibel Island เมื่อช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา

ยุงเป็นสัตว์ที่นำโรคมาให้มนุษย์ทั้งโรคไข้เลือดออก มาลาเรีย ไวรัสซิก้า และไข้เหลือง ยากที่จะควบคุม และส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงสหรัฐอเมริกาเอง

หน่วยงานควบคุมยุง Lee County Mosquito Control เผยภาพให้เราเห็นว่ายุง 1 ล้านตัวรวมกันจะหน้าตาเป็นอย่างไร โดยยุงเหล่านี้เป็นยุงที่พวกเขารวบรวมไว้เป็นประจำ 

เพื่อทางศึกษาทางวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการร่วมกับกระทรวการเกษตรของสหรัฐอเมริกา เพื่อทดสอบว่าการดักจับยุงนั้น จะได้ผลในการนำมาใช้ควบคุมยุงหรือไม่

สหรัฐอเมริกาพยายามหลากหลายวิธีเพื่อควบคุมยุง ก่อนหน้านี้ในปี 2021 สหรัฐอเมริกา ได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมยุงเพื่อไปยับยั้งการแพร่ขยายพันธุ์ยุงตัวอื่นในธรรมชาติ เพื่อลดการระบาดโรค และได้อนุมัติปล่อยในเกาะ Florida Keys แล้ว หลังการวางแผนมาหลายปี

โดยยุงที่พัฒนานี้มีชื่อว่า OX5034 ซึ่งยุงที่ถูกนำมาปล่อยนั้นจะเป็นยุงตัวผู้ ไม่กัดมนุษย์ โดยพันธุกรรมที่ถูกดัดแปลงจะถูกส่งต่อไปให้ลูกของมันในอนาคต ทำให้ลูกยุงมีโอกาสในการรอดชีวิตน้อยลง ลดการเพิ่มจำนวนประชากรยุง และลดอัตราการแพร่เชื้อโรคต่าง ๆ แต่มันมีผลแค่ต่อลูกยุงเพศเมียเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การทดลองนี้ได้รับเสียงวิจารณ์ และคัดค้านเนื่องจากความกังวลจากผู้คนว่ามันอาจจะทำให้กลายพันธุ์ และอาจจะกัดและทำร้ายสัตว์อื่นๆ

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

บัณฑิตอายุน้อยที่สุดในโลก เด็กชายวัย 9 ขวบ ไอคิว 145 บอก "เป้าหมายของผมคือ การยืดอายุของคน"

บัณฑิตอายุน้อยที่สุดในโลก : เด็กชายวัย 9 ขวบ ไอคิว 145 บอก "เป้าหมายของผมคือ การยืดอายุของคน"

โลรองต์ ซีมอนส์ ในห้องปฏิบัติการ

โลรองต์ ซีมอนส์ จะเป็นบัณฑิตที่อายุน้อยที่สุดในโลกในเดือน ธ.ค. นี้

เขาเริ่มเรียนชั้นประถม ตอนอายุ 4 ขวบ แต่ก่อนที่เพื่อนร่วมชั้นจะได้เข้าเรียนมัธยม โลรองต์ ซีมอนส์ กำลังจะจบปริญญาตรี ด้วยวัยเพียง 9 ขวบ

เด็กอัจฉริยะจากเบลเยียม ใช้เวลา 1 ปี ในการเรียนจบป. 1 เหมือนกับนักเรียนส่วนใหญ่ แต่ในปีถัดมา เขาใช้เวลา 1 ปี เรียนจบหลักสูตร ป.2 ถึง ป.6

ตอนอายุ 6 ขวบ เขาเข้าเรียนระดับมัธยม และเรียนจบภายในเวลาเพียง 18 เดือน จากที่เด็กปกติต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี จากนั้นเขาก็พักผ่อนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ

ตอนอายุ 8 ขวบ เขาเว้นวรรคการเรียนไป 1 ปี เพื่อพักผ่อนอยู่บ้าน แล้วเมื่อ 8 เดือนก่อน เขาก็ลงทะเบียนเรียนระดับมหาวิทยาลัย

จบปริญญาตรีภายในเวลา 9 เดือน
โลรองต์ ไซมอนส์
ที่มาของภาพ,LAURENT SIMONS
คำบรรยายภาพ,
โลรองต์ ต้องการสร้างอวัยวะเทียม

หลังจากเรียนเพียง 9 เดือน เขาก็กำลังจะได้รับปริญญาตรีในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าในเดือน ธ.ค. นี้

แต่เขาไม่มั่นใจว่า เขาทำเรื่องเหลือเชื่อนี้ได้อย่างไร

"ผมไม่ทราบครับ" คือคำตอบที่หนูน้อยให้กับคำถามที่ว่า ทำอย่างไรให้จบปริญญาตรีในวัย 9 ขวบ จากรายการนิวส์เดย์ (Newsday) 

วิศวกรรม แพทย์ หรือ ทั้งสองอย่าง?
โลรองต์ สนใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยร่างกายมนุษย์ เขาจึงทำโครงการเพื่อสำเร็จการศึกษาเกี่ยวกับชิปไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับสมอง

ชิปดังกล่าว สามารถใช้วัดและดูเซลล์ประสาทหลายพันเซลล์ในเวลาเดียวกัน

โลรองต์ ไซมอนส์ กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอน ขณะถูกถ่ายคลิป

พ่อของโลรองต์ กล่าวว่า เขามีความสุขที่ลูกชายได้ออกโทรทัศน์

เขามาจากครอบครัวแพทย์ และต้องการเรียนต่อด้านแพทย์และทำปริญญาเอกด้วย

แต่เขามีเป้าหมายไกลไปกว่าการได้รับการรับรองทางวิชาการ

"เป้าหมายของผมคือ การสร้างอวัยวะเทียม" เด็กชายวัย 9 ขวบ กล่าว

อวัยวะเทียม เป็นอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจนำไปใช้แทนอวัยวะในร่างกายมนุษย์ได้ เช่น หัวใจหรือไต ทำให้ไม่จำเป็นต้องรับบริจาคอวัยวะ

"เป้าหมายของผมคือ การยืดอายุของคน" โลรองต์ กล่าว

ฉายแววความสามารถ
เขาตั้งเป้าหมายสร้างอวัยวะเทียมเพื่อเพิ่มอายุขัยของมนุษย์ และพัฒนาคุณภาพชีวิต

Laurent Simons with his grandparents

ฮันส์ ซีมอนส์ และฟาริบา ซีมอนส์ ปู่และย่าของโลรองต์ เป็นคนแรกที่เห็นความสามารถของเขา

เขากล่าวว่า "ผมอยากจะยืดอายุให้กับคนอื่น ๆ รวมถึงปู่ย่าตายายของผมด้วย"

ความจริงแล้ว ปู่และย่าของเขาคือคนแรกที่เห็นแววความสามารถของเขาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าโรงเรียนเสียอีก

อเล็กซานเดอร์ ซีมอนส์ พ่อของเขา เล่าว่า "ปู่ย่าเลี้ยงเขามา และสังเกตเห็นความพิเศษบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา และเริ่มพูดคุยเรื่องนี้ เราคิดว่า ก็คงเหมือนกับปู่ย่าตายายคนอื่น ๆ ที่ภูมิใจในตัวหลาน เลยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่"

ยากที่จะถอดรหัส
แต่เมื่อครูโรงเรียนประถมของโลรองต์บอกกับพ่อแม่ของเขาเช่นเดียวกัน ทั้งคู่จึงพยายามคิดว่า ทำไมเขาถึงพัฒนาเร็วกว่าคนอื่น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังประหลาดใจกับพัฒนาการของเขา

โลรองต์ ไซมอนส์ กำลังตั้งท่าถ่ายรูป

พ่อของเขาบอกว่า โลรองต์ชอบคุยโม้ว่าได้ออกโทรทัศน์

นอกเหนือจากมีความสามารถในการจำเป็นภาพ (photographic memory) และมีเชาว์ปัญญาหรือไอคิวที่ระดับ 145 เด็กชายคนนี้ยังมีทักษะในการวิเคราะห์อย่างดีด้วย ช่วงแรกเขาชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ค่อยสนใจด้านภาษามากนัก

พ่อของโลรองต์เล่าว่า บางวัน เขาดูเหมือนไม่อยากไปโรงเรียน และอยากจะนอนขี้เกียจอยู่ที่บ้าน หรือไปเล่นที่ชายทะเลมากกว่า แต่เขาดูเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น หลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัย

การเรียนในแต่ละวันที่มหาวิทยาลัยค่อนข้างเครียด

"วันจันทร์ เขาเข้าเรียนทฤษฎีเบื้องต้นเกี่ยวกับวิชานั้น จากนั้นก็ใช้เวลาในห้องปฏิบัติการในวันอังคาร ส่วนวันพุธก็ต้องทบทวนการเรียน เขาอยู่บ้านและอ่านหนังสือ 8 ชั่วโมง เขาใช้เวลาในวันพฤหัสบดีในการพบกับอาจารย์ที่คณะและถามคำถาม ส่วนวันศุกร์เขาก็เข้าสอบ" พ่อของเขาเล่า


"นักเรียนคนอื่น ๆ ใช้เวลา 9-12 สัปดาห์ ในการทำตามขั้นตอนนี้ให้เสร็จ"

วัยเด็ก
เพื่อให้มั่นใจว่า โลรองต์ สบายใจและกำลังเรียนรู้ในแบบของเขา ส่วนใหญ่แล้วเขาถูกสอนแยกต่างหากจากนักศึกษาอื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ผ่านช่วงวัยรุ่นไปแล้ว

โลรองต์ ไซมอนส์ จูงสุนัขเดินเล่นที่ชายหาด

โลรองต์ สนุกสนานเมื่อได้ไปชายทะเลเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ

แต่พ่อของเขาบอกว่า ลูกชายไม่ได้สูญเสียความสนุกสนานในช่วงวัยเด็ก และลูกไม่ได้รับแรงกดดัน

เขาเป็นคนดังอยู่แล้ว อินสตาแกรมของเขามีผู้ติดตามมากกว่า 35,000 คน และเขาได้ลงรูปเวลาที่ได้เล่นสนุกสนาน

เขาได้อัปโหลดภาพของตัวเองขณะเดินเล่นกับสุนัขของเขา ตอนที่กำลังเล่นน้ำ และให้สัมภาษณ์สื่อ

พ่อของเขาเล่าว่า "เขาชอบคุยโม้กับเพื่อนว่า ได้ออกโทรทัศน์"

อัจฉริยะ
โลรองต์ ไซมอนส์ กำลังเล่นลูกบอล

พ่อของโลรองต์บอกว่า ลูกไม่ได้สูญเสียความสนุกสนานในวัยเด็กไป

โมซาร์ต แต่งเพลงได้ตอนอายุ 5 ขวบ ปีกัสโซ วาดภาพแรกเสร็จสมบูรณ์ตอนอายุ 9 ขวบ แต่ความอัจฉริยะในเด็กหลายคนค่อย ๆ เลือนหายไป ตอนที่พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่

โลรองต์ จะเป็นแบบนั้นไหม

พ่อของเขาบอกว่า "เมื่อเขาบอกว่าจะทำอะไร เขาก็ทำได้ตามนั้นเสมอ"

ชาวไต้หวันรอดชีวิต หลังหลงทางบนเทือกเขาหิมาลัย 47 วัน

ชาวไต้หวันรอดชีวิต หลังหลงทางบนเทือกเขาหิมาลัย 47 วัน

นายเหลียง เช็ง เยว่ อยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานาชาติแกรนดี ในกรุงกาฐมาณฑุ

นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่ไปปีนเขาหิมาลัย ประเทศเนปาล ถูกพบว่ารอดชีวิต หลังหายตัวไปนาน 47 วัน ล่าสุดได้รับการช่วยเหลือแล้ว

ทีมค้นหาและกู้ภัยเชี่ยวชาญพื้นที่สูง พบตัวนายเหลียง เช็ง เยว่ บริเวณหุบเขาที่ความสูง 2,600 เมตร ใกล้กับหมู่บ้านทิพลิ่ง ในเขตดาดิงของเนปาล พร้อมกับร่างของนางสาวหลิว เชน ชุน อายุ 19 ปี แฟนสาว

ขณะนี้ นายเหลียงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนานาชาติแกรนดี ในกรุงกาฐมาณฑุ ซึ่งอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยนายแพทย์ซันจายา คาร์กี กล่าวว่าผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำเนปาลว่า เขาพูดได้ช้าๆ บ้างแล้ว และเล่าว่าแฟนเสียชีวิตไปเมื่อ 3 วันก่อน ส่วนเขาเองไม่ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทก แต่ถูกหนอนแมลงกัด

นับตั้งแต่หลงทางหายไป 7 สัปดาห์ นายเหลียงน้ำหนักลดลงไป 30 กิโลกรัม ตอนที่ทีมกู้ภัยไปพบตัว ผมของเขามีเหาเกาะเต็มศรีษะ และเท้าข้างหนึ่งเต็มไปด้วยหนอนตัวอ่อนแมลง ขณะที่แพทย์กล่าวว่า ดูเหมือนเขาจะรอดชีวิตมาได้ จากการดื่มน้ำและเกลือ

ชาวบ้านในพื้นที่พบตัวนายเหลียง เมื่อเวลา 11.00น. ตามเวลาท้องถิ่นวานนี้ (ตรงกับ 12.15 น. ตามเวลาไทย) เฮลิคอปเตอร์ถูกส่งไปยังจุดเกิดเหตุทันที

นักศึกษาทั้งสอง ปีนเขาเป็นระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ

นักศึกษาทั้งสอง ปีนเขาเป็นระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ

นายเหลียง และนางสาวหลิว เป็นนักศึกษาชั้นปี 1 จากมหาวิทยาลัยดองฮวาแห่งชาติของไต้หวัน เดินทางจากอินเดียถึงเนปาลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นพวกเขาครั้งสุดท้ายที่เขตดาดิง เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในระหว่างที่ทั้งคู่ออกไปเดินป่าท่ามกลางหิมะตกหนัก

เว็บไซต์ missingtrekker.com รายงานว่า ทั้งคู่ประสบความยากลำบากเล็กน้อยก่อนที่จะออกไปปีนเขา เนื่องจากกระเป๋าสัมภาระหาย และมีปากเสียงกันในเรื่องเล็กน้อย ซึ่งนางสาวหลิวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า "ไม่น่ามาที่นี่เลย"

ครอบครัวของนักศึกษาเริ่มเป็นกังวล หลังจากพวกเขาไม่ได้โทรกลับบ้านตามนัดหมาย วันที่ 10 มีนาคม หลังรอการติดต่อกลับอีก 5 วัน แต่ไร้ความคืบหน้า จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือกับทางการ

ภาพหนุ่มไต้หวันที่รอดชีวิตหลังหลงทางบนเทือกเขาหิมาลัย 47 วัน
ที่มาของภาพ,PRAKASH 
ตำรวจเนปาล จ้างไกด์นำเที่ยว 3 คน และเฮลิคอปเตอร์ เพื่อออกค้นหา 2 นักศึกษา ซึ่งเชื่อว่าได้พยายามเดินทางไปพบกับเพื่อนชาวไต้หวันอีกกลุ่มที่หมู่บ้างหลางทาง

หนังสือพิมพ์ไทเปไทม์ส รายงานว่า เจ้าหน้าที่นำเที่ยวและสื่อท้องถิ่นของเนปาล ได้รับแจ้งเรื่องนักศึกษา 2 รายนี้ แต่หิมะที่ตกต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถออกค้นหาในบริเวณกว้างได้

นายมาดเฮย์ บาสเนท ซึ่งมีส่วนร่วมในการกู้ภัย กล่าวว่า ดูเหมือนทั้งสองจะไถลตกจากทางปีนเขาที่ลื่น ขณะพยายามเดินขึ้นไปยังหมู่บ้านกัตลางจากเขตดาดิง แล้วตกลงไปติดอยู่ในช่องหินที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ และไม่สามารถปีนกลับขึ้นมาได้

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

โจรกลับใจ?! โจรมอบเงิน 200 ดอลลาร์หลังบุกบ้านคนในนิวเม็กซิโก


โจรกลับใจ?! โจรมอบเงิน 200 ดอลลาร์หลังบุกบ้านคนในนิวเม็กซิโก

เหตุการณ์แปลกในรัฐนิวเม็กซิโก เมื่อโจรผู้ละอายใจ ทิ้งเงินไว้ให้เจ้าบ้าน 200 ดอลลาร์ ฐานบุกบ้าน ก่อนหอบปืนไรเฟิล AR-15 ชิ่งหนีไป ตามรายงานของเอพี

ตำรวจเขตปกครองซานตาเฟเคาน์ตี้ รัฐนิวเม็กซิโก รับแจ้งเหตุโจรบุกรุกบ้าน เป็นชายผู้ต้องสงสัย สูงประมาณ 180 เซนติเมตร และอายุประมาณ 20 ปี โดยเจ้าของบ้านผู้แจ้งเหตุกลับมาถึงบ้านและพบชายคนดังกล่าว นอนหลับ อาบน้ำ กินข้าว และจิบเบียร์ในบ้านของตัวเอง

รายงานที่อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่น Albuquerque Journal เพิ่มเติมว่า ชายรายนี้พกปืนไรเฟิล AR-15 แต่เจ้าของบ้านยืนยันว่าเขาไม่ถูกข่มขู่เพื่อเรียกทรัพย์สินของมีค่าหรือทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด แถมชายรายนี้ได้มอบเงิน 200 ดอลลาร์ ให้เป็นค่าซ่อมหน้าต่างที่เขาทำพังไปอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ชายต้องสงสัยรายนี้ยังได้เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของตัวเองแบบสั้นๆ ว่าเขากำลังหลบหนีจากคนบางคนอยู่ และครอบครัวของเขาถูกฆ่าในรัฐเท็กซัส ก่อนที่รถของเขาจะมาเสียระหว่างทาง

เจ้าของบ้านที่แจ้งความ ระบุกับทางการว่า ชายผู้ต้องสงสัยรายนี้รู้สึกอับอายและขอโทษเจ้าของบ้านอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ก่อนจะหอบกระเป๋าปืนและหลบหนีไป ส่วนมูลค่าความเสียหายต่างๆ นั้น ประเมินได้ประมาณ 15 ดอลลาร์เท่านั้น ขณะที่ทางการกำลังออกตามหาชายรายนี้ต่อไปแต่ยังไม่พบตัว

ที่มา: เอพี

รายการบล็อกของฉัน