บทความที่ได้รับความนิยม
-
รู้จักกับ “เลือดสีทอง” กรุ๊ปเลือดหายากที่สุดในโลก (ปัจจุบันทั่วโลกมีไม่ถึง 50 คน) “เลือดสีทอง” (Golden Blood) หรือกรุ๊ป Rh-null กรุ๊ปเลือ...
-
จริยธรรม(Ethics) จริยธรรม หรือ จริยศาสตร์ เป็นหนึ่งในวิชาหลักของ วิชาปรัชญา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับความดีงามทางสังคมมนุษย์ จำแนกแยกแยะว่าสิ่...
Translate
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
ญัฮกุร หรือ เนียะกุล คือ
ประเพณีแปลกๆฟ้อนผีมด-ผีเม็ง ประเพณีการฟ้อนผีของชาวล้านนา คล้ายกับการลงผี(เข้าทรง)เข้าผี
ประเพณีแปลกๆฟ้อนผีมด-ผีเม็ง ประเพณีการฟ้อนผีของชาวล้านนา คล้ายกับการลงผี(เข้าทรง)เข้าผี
ประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็ง คือประเพณีการฟ้อนผีของชาวล้านนา คล้ายกับการลงผี(เข้าทรง)ผีเจ้าพ่อของท้องถิ่นอื่น
นิยมเรียกกันว่า "ฟ้อนผีมด-ผีเม็ง" ประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็ง เป็นการฟ้อนรำเพื่อสังเวยผีบรรพบุรุษ ซึ่งชาวล้านนา(ชาวบ้านในท้องถิ่นภาคเหนือ)นับถือกัน เป็นพระเพณีเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่ารับมาจากชาวมอญ เพราะคำว่า "เม็ง" ภาษาล้านนาหมายถึงชาวมอญ การแต่งกายของผู้เข้าร่วมพิธีก็จะคล้ายกับชาวมอญ ประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็งนี้ จะจัดกันภายในสายตระกูล ตามคติความเชื่อของชาวล้านนา คนเราจะมีผีบรรพบุรุษ (บางครั้งเรียก ผีปู่ย่า หรือ เจ้าปู่เจ้าย่า) ซึ่งหมายถึงผีปู่ย่าตายายญาติผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูลที่เสียชีวิตไปแล้ว ยังคอยปกป้องรักษาคุ้มครองลูกหลานในวงศ์ตระกูล ความหมายในอีกแง่หนึ่ง
"ผีมด" หมายถึงผีระดับชาวบ้าน สืบเชื้อสายจากชาวไทใหญ่ ส่วนผีเม็ง หมายถึงผีระดับแม่ทัพนายกอง สืบเชื้อสายจากชาวมอญ ลูกหลานจะทำที่สถิตย์ของผีบรรพบุรุษที่เรียกว่า "หอผี" ไว้ทางทิศหัวนอนของบ้านผู้เป็น"เก๊าผี" หมายถึงผู้หญิงที่เป็นใหญ่ที่สุดในวงศ์ตระกูล ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็จะต้องจัดพิธีเพื่อสังเวยผีบรรพบุรุษ อาจจะจัดเป็นรอบทุกๆ2ปีหรือ3ปีแล้วแต่จะกำหนด อาจารย์อุษามณี อภิชยากุล นายกสมาคมช่างฟ้อนได้สืบสานและร่วมอนุรักษ์ความเชื่อบรรพชน โดยจัดตั้งมูลนิธิขึ้น
ประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็งในเขตจังหวัดลำปางช่วงเวลาในการจัดประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็ง
ประเพณีฟ้อนผีมด-ผีเม็งนิยมทำกันในช่วงเดือน5เหนือ(เดือน3ของภาคกลาง)หรือประมาณเดือนกุมภาพันธ์ไปจนย่างเข้าฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วและยังว่าง เหมาะที่ญาติพี่น้องจะมารวมตัวพบปะกันเพื่อช่วยกันจัดเตรียมงาน และถือโอกาสสังสรรค์เป็นงานรวมญาติของคนในสายตระกูลไปด้วยในตัว
พิธีกรรม
ก่อนวันงานจะมีการจัดเตรียม "ผาม" หรือ "ปะรำ" ขนาดผามแล้วแต่จำนวนคนในตระกูลและผู้เข้าร่วมพิธี หลังคาผามมุงด้วยทางมะพร้าว หญ้าคา หรือใบตองตึง ตกแต่งประดับผามให้สวยงามด้วยทางมะพร้าว ต้นกล้วย ขี้ผึ้ง
หม้อน้ำ น้ำต้น ฯลฯ มีผ้าขาวยาวโยงอยู่ตรงกลางผามสำหรับให้ร่างทรงโหนเชิญผีมาเข้าทรง ด้านหน้าผามจะยกพื้นสำหรับวางเครื่องเซ่น เครื่องเซ่นก็จะมีหัวหมูต้ม ไก่ต้มทั้งตัว เหล้า ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน ขนม ผลไม้ เช่น กล้วย อ้อย มะพร้าว ฯลฯ ถัดจากอาหารคาวหวานจะมีที่สำหรับจัดวางเครื่องแต่งกายของร่างทรงจำพวก ผ้าโสร่ง ผ้าโพกหัวสีต่างๆ สำหรับผู้ที่จะฟ้อนนุ่งทับลงไปเวลาผีเข้าแล้ว
ประเพณีการฟ้อนผีจะจัด2วัน วันแรกเรียกว่า "วันข่าว" หรือ "ป่าวข่าว" เป็นการบอกให้ญาติพี่น้องในสายตระกูลมาร่วมชุมนุมกันที่บ้านงานเพื่อเตรียมงานก่อนจะถึงวันงาน ส่วนอีกวันเป็นวันจริงที่มีการเชิญผีเข้าทรงและมีพิธีกรรมการฟ้อน โดยหอผีแต่ละหอหรือตระกูลผีแต่ละตระกูลจะจัดงานฟ้อนผีไม่ให้ซ้ำกับวันงานของตระกูลอื่น เพราะจะมีการเชิญคนทรงและผีจากตระกูลอื่นมาร่วมงานด้วย
**การแต่งกายของม้าขี่(ร่างทรง)ที่คล้ายกับลักษณะการแต่งกายของชาวมอญ(เม็ง) (ภาพม้าขี่ชาวจังหวัดเชียงราย)
ในวันงานพิธีกรรมจะเริ่มแต่เช้า โดยเก๊าผีทำพิธีสักการบูชาผีบรรพบุรุษซึ่งอยู่บนแท่นบูชา ณ หอผีประจำบ้านก่อน มีการอธิษฐานขอให้ผีบรรพบุรุษคุ้มครองให้การจัดงานราบรื่น ให้คนในตระกูลอยู่เย็นเป็นสุข ประกอบอาชีพเจริญก้าวหน้า จากนั้นจะกล่าวเชิญผีไปยังผามที่เตรียมไว้เพื่อเข้าทรง
การเข้าทรงของผีมดไม่ยุ่งยากเพราะพออธิษฐานเสร็จผีก็จะเข้า ส่วนผีเม็งนั้นต้องโหนผ้าขาวที่อยู่กลางผามแล้วหมุนตัวไปรอบๆผีจึงจะเข้า ผีจะเข้าเก๊าผีก่อนเป็นคนแรก ต่อมาก็จะเข้าคนอื่นๆในตระกูล เวลาผีเข้าร่างทรงคนไหนแล้ว จะมีคนนำเครื่องบวงสรวงซึ่งมีขันข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อยและมะพร้าวอ่อนมาให้
ร่างทรงจะรับไว้ จากนั้นร่างทรงจะลุกไปเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวที่ชอบและสวมทับ จะมีการซักถามกันเล็กน้อยโดยมีล่ามซึ่งเป็นคนที่ชอบพูดคุยซักถาม ถ้าเป็นคำตอบที่ถูกผีก็จะผงกหัว คำถามที่ใช้เช่น เป็นใคร มาจากไหน มาด้วยวิธีใด เป็นต้น จากนั้นจะเป็นการฟ้อนสังเวย มีวงปี่พาทย์บรรเลง ปี่พาทย์นี้เป็นปี่พาทย์แบบพื้นเมืองล้านนาซึ่งมีจังหวะคึกคักเร้าใจ มีการร้อง "ฮิ้วๆ" ประกอบการฟ้อนรำไปด้วยอย่างสนุกสนาน
ร่างทรงส่วนมากจะเป็นผู้หญิง มีตั้งแต่คนแก่อายุหลายสิบปีไปจนเด็กสาวรุ่นอายุสิบกว่า ถ้าเป็นผู้ชายฟ้อนจะฟ้อนดาบ พิธีกรรมจะเริ่มตั้งแต่เช้าไปจนเย็น มีการฟ้อนสังเวยไปเรื่อยๆ พอเที่ยงวันจึงหยุดพักรับประทานอาหาร จะมีการถวายอาหารให้ผีกินก่อนจากนั้นคนจึงกินต่อ
เจ้าภาพจะถวายอาหารคาวหวานต่างๆที่เตรียมไว้โดยจัดใส่ขันโตกเป็นชุดๆ จากนั้นจะมอบดาบให้ร่างทรงคนละอันโดยจุดเทียนไขผูกปลายดาบ ร่างทรงจะรับดาบไปเวียนรอบๆอาหารทุกจานจนครบเป็นอันเสร็จพิธีถวายอาหารให้ผี ในการรับประทานอาหารผีมดจะรับประทานอาหารทุกชนิดทั้งคาวและหวาน ส่วนผีเม็งจะเลือกรับประทานเฉพาะอาหารหวานและน้ำมะพร้าวเท่านั้น
หลังจากฟ้อนมาตลอดทั้งวันแล้วก็จะถึงเวลาส่งผี จังหวะดนตรีปี่พาทย์จะช้าลงจนหยุดบรรเลง
ร่างทรงจะเดินไปที่หอผีและการขับจ๊อยซอเป็นกลอนสดเสียงโหยหวน มีขันดอกไม้ธูปเทียนพร้อมอาวุธ เช่น ดาบ นำมาฟ้อนเป็นจังหวะเนิบนาบอ่อนช้อย ก่อนผีจะออกจะรับขันข้าวตอกดอกไม้ เมื่อเสร็จแล้วจะล้มฟุบลงกับพื้นถือว่าผีออกแล้ว ร่างทรงก็เข้าสู่สภาพปกติ หลังจากเสร็จพิธีแล้วผู้คนในตระกูลก็จะช่วยกันรื้อผามทำความสะอาดสถานที่ และรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน
หน้าที่ของผู้เข้าร่วมพิธีกรรม
เนื่องจากเป็นงานที่จัดกันในวงศ์ตระกูล ลูกหลานแต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
"ม้าขี่" หรือบางครั้งเรียกว่า "ที่นั่ง" หมายถึงผู้ทำหน้าที่เป็นร่างทรงนั่นเอง ส่วนมากจะเป็นเพศหญิง หน้าที่นี้จะเป็นหน้าที่ประจำ ถ้าจะเปลี่ยนต้องขออนุญาตจากผีเสียก่อน จะเปลี่ยนโดยพลการไม่ได้
"ควาญ" คือ ผู้มีหน้าที่ปรนนิบัติผี มีหน้าที่ช่วยกันแต่งองค์ทรงเครื่อง จัดหาน้ำดื่ม น้ำมะพร้าว สุราหรือเครื่องดื่ม หมาก เมี่ยง บุหรี่ ฯลฯ ตามแต่ผีจะเรียกหา เวลาผีจะไปงานฟ้อนที่ผามอื่นๆ ควาญก็จะติดสอยห้อยตามทำหน้าที่หิ้วข้าวของเครื่องใช้ตามไปด้วย
"กำลัง" หรือ "กำลังผาม" หมายถึง พลังของวงศ์ตระกูลที่มีอยู่ในรูปของ "กำลังกาย" หรือแรงงานจากคนและ "กำลังทรัพย์" ที่สามารถระดมได้จากลูกหลานในตระกูลนั่นเอง คำว่า กำลัง มักใช้กับบรรดาลูกหลานเพศชาย ซึ่งทำหน้าที่ต่างๆ เช่น ปลูกสร้างผาม แบกขนอุปกรณ์ ประกอบอาหาร ยกสำรับ ตักน้ำ ผ่าฟืน ฯลฯ
รายการบล็อกของฉัน
-
หินมหัศจรรย์เอนบาลานซ์ (Balancing Rock): ปริศนาแห่งธรรมชาติในอุทยานเออร์กากิ - 📌หินมหัศจรรย์เอนบาลานซ์ (Balancing Rock): ปริศนาแห่งธรรมชาติในอุทยานเออร์กากิ หินเอนบาลานซ์ (Balancing Rock) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเออร์กากิ (Ergaki N...2 วันที่ผ่านมา
-
สามความปรารถนาสุดท้ายของอเล็กซานเดอร์มหาราช - สามความปรารถนาสุดท้ายของอเล็กซานเดอร์มหาราช : เมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราชพิชิตอาณาจักรต่างๆ และกลับมายังประเทศของตนแล้ว พระองค์ก็ทรงประชดประชันจนต้องสิ้นพระ...2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
-
ชาวเมืองงง!? เสียงเบสลึกลับที่สร้างความรำคาญให้กับชาวฟลอริดา - ชาวเมืองงง!? เสียงเบสลึกลับที่สร้างความรำคาญให้กับชาวฟลอริดาอาจเป็นแค่เสียงปลาผสมพันธุ์กันดัง ๆ ชุมชนทำการระดมเงินเพื่อเป็นทุนในการสืบสวน และตอนนี้นักวิ...8 เดือนที่ผ่านมา
-
งานวิจัยเผยว่า แมวไม่ได้มองว่าเราเป็นทาสและน้องเป็นเจ้าของบ้านนะ น้องแมวอาจมองเราเป็นพ่อแม่ของเขา - งานวิจัยเผยว่า แมวไม่ได้มองว่าเราเป็นทาสและน้องเป็นเจ้าของบ้านนะ น้องแมวอาจมองเราเป็นพ่อแม่ของเขา แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่คู่กับมนุษย์และมีความคุ้นเคยกั...1 ปีที่ผ่านมา
-
แม่ซื้อ เทวดาผู้ปกป้องทารก ความเชื่อของคนโบราณ - แม่ซื้อ เทวดาผู้ปกป้องทารก ความเชื่อของคนโบราณ !!! พ่อแม่ทุกคนนับถือ มีจริงมั้ย? ตำนาน เรื่องเล่าจากโบราณ แม่ซื้อ เทวดาผู้ปกป้องทารก ความเชื่อของคนโบราณ...7 ปีที่ผ่านมา