Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ขุดพบGlyptodon บรรพบุรุษของอาร์มาดิลโลที่สูญพันธุ์ไปแล้วราว 10,000 ปีก่อน พวกมันมีขนาดตัวใหญ่เท่ากับรถโฟล์ก


สาระความรู้ดีๆนำมาฝากวันนี้จะย้อนกลับไปในสมัยยุคไดโนเสาร์เรามีบรรพบุรุษไดโนเสาร์เริ่มแรกต้นตระกูลมานำเสนอนะครับที่มีชื่อว่าคลิปโตดอน(Glyptodon) คือบรรพบุรุษของอาร์มาดิลโลที่สูญพันธุ์ไปแล้วราว 10,000 ปี

รับรองได้ว่าเราจะย้อนอดีตไปเมื่อหมื่นปีที่แล้วผมพร้อมกันนะครับเข้ามาเลย

👉เราต้องมาทำความรู้จักกับอาร์มาดิลโลมีลักษณะเด่น คือ มีส่วนหน้าและจมูกที่ยาว มีปากขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ มีกรงเล็บที่แหลมคมทั้งตีนหน้าและตีนหลัง ใช้สำหรับขุดทำโพรงอยู่อาศัยและขุดหาอาหารกิน กินอาหารโดยการใช้ลิ้นที่ยื่นยาวและน้ำลายที่เหนียวตวัดกินแมลงจำพวกมด ปลวก และหนอนตามพื้นดิน และมีเกราะหุ้มอยู่ตามตัวเป็นแผ่น ๆ 


อาร์มาดิลโลเก้าแถบ (Dasypus novemcinctus)

มีข้อต่อเชื่อมต่อกันเหมือนชุดเกราะ โดยเฉพาะที่หัวไหล่และด้านท้ายลำตัว ทำให้ดูเหมือนกับลิ่นซึ่งเป็นสัตว์ในอันดับ Pholidota มาก แต่ทั้งอาร์มาดิลโลและลิ่นเป็นสัตว์ที่อยู่ต่างอันดับกัน 


ฤดูร้อนแฟชั่นใหม่แขนสั้น 3 พิมพ์ลายเสื้อยืดสําหรับผู้ชาย,เสื้อยืดหลวมคอกลมสไตล์ยุโรปและอเมริกา
และอยู่ในอันดับใหญ่คนละอันดับกันด้วย โดยอาร์มาดิลโลมีความใกล้เคียงกับสลอทหรือตัวกินมดมากกว่า แต่ในอดีตทั้งอาร์มาดิลโลและลิ่นเคยถูกจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน คือ Edentata ซึ่งแปลว่า "ไม่มีฟัน" แต่ความจริงแล้ว อาร์มาดิลโลมีฟัน เป็นฟันกรามที่มีขนาดเล็ก และไม่แข็งแรง


คลิปโตดอน 
(Glyptodon) คือบรรพบุรุษของอาร์มาดิลโลที่สูญพันธุ์ไปแล้วราว 10,000 ปีก่อน พวกมันมีขนาดตัวใหญ่เท่ากับรถโฟล์กเต่าคันหนึ่ง น้ำหนักประมาณ 800–840 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ 

มีเกราะที่หุ้มตัวเป็นชิ้น ๆ รูปหกเหลี่ยมแตกต่างจากอาร์มาดิลโลในปัจจุบัน 

ปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีโครงกระดูกของคลิปโตดอนที่สมบูรณ์แบบจัดแสดงอยู่ 


ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชาลส์ ดาร์วิน ได้ส่งมาให้เมื่อครั้งเดินทางไปสำรวจที่ทวีปอเมริกาใต้ รวมถึงชิ้นส่วนฟอสซิลต่าง ๆ ที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ในยุโรป


ดูแล้วตัวสัตว์ชนิดนี้ไม่ต่างจากสมัยปัจจุบันมากเลยนะครับแต่สัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ตัวมันจะใหญ่โตมโหฬารมากๆมันเป็นอะไรที่รู้สึกว่าตรงกันข้ามกับสัตว์ปัจจุบันเลยนะครับโดยเฉพาะตัวอาร์มาดิลโลเก้าแถบ (Dasypus novemcinctus)


ปัจจุบันกับบรรพบุรุษคลิปโตดอนยุคโบราณต่างกันราวกับฟ้ากับดินเลยนะครับปัจจุบันตัวเล็กนิดเดียวแต่สัตว์ยุคโบราณชนิดเดียวกันต้นตระกูลตัวใหญ่โตมโหฬาร

คนอึดตายยากJacob Miller อดีตทหารผู้รอดชีวิตในสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ถูกยิงเข้ากลางหน้าผาก


คนอึดตายยากJacob Miller อดีตทหารผู้รอดชีวิตในสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ถูกยิงเข้ากลางหน้าผาก

เจคอบถูกกระสุนพุ่งเข้ากลางหน้าผากเต็มๆทหารของสมาพันธรัฐอเมริกา ที่สมรภูมิชิคามัวกา (Chikamauga)


เรื่องประหลาดชวนอึ้งเมื่องครั้งสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ที่คนอเมริกันมีความเห็นไม่ตรงกันนำไปสู่การสู้รบกันเองในสมัยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น มีทหารอาสารอดชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิงเข้ากลางหน้าผาก


หนึ่งการรบกันเองครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา หรือสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1861-1865 ภายหลังจากการที่ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นขึ้นรับตำแหน่งได้ไม่นาน โดยอเมริกาแบ่งแยกกันเป็นสองฝ่ายคือ รัฐทางฝ่ายเหนือ หรือ “รัฐบาลสหรัฐ” ที่ดูแลโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ และรัฐทางฝ่ายใต้เป็นรัฐที่แต่งตั้งด้วยการร่วมตัวกันเป็น “สมาพันธรัฐอเมริกา” 
จำนวน 7 รัฐ


ยุโรปและอเมริกาผู้ชายยืนคอปกการค้าต่างประเทศผ้าฝ้ายลินินเสื้อแขนสั้น Amazon wish เสื้อระเบิด

เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองโดยเฉพาะนโยบาย “ยกเลิกทาส” ที่รัฐทางใต้มองว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบเพราะทาสเป็นแรงงานที่จำเป็นอย่างมากในเมืองเกษตรกรรม จึงประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากรัฐบาลสหรัฐฯ ง่ายๆ คือ รัฐทางใต้จะขอปกครองกันเอง ฝ่ายเหนือเอ็งไม่ต้องมายุ่ง


เป็นชนวนนำไปสู่สงครามที่ยืดเยื้อกว่าสี่ปี มีทหารและประชาชนสหรัฐอเมริกาของทั้งสองฝ่ายล้มตายกันเป็นจำนวนมากข้อมูลระบุว่าอาจสูงถึง 620,000 คนและบาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน และหนึ่งในผู้รอดชีวิตของทหารอาสาของฝ่ายรัฐบาลสหรัฐฯ คือนายเจคอบ มิลเลอร์ ที่ใครจะเชื่อว่าการยิงปืนเข้ากลางหน้าผากไม่สามารถทำอะไรเขาได้ 


👉จากการปะทะกับทหารของสมาพันธรัฐอเมริกา ที่สมรภูมิชิคามัวกา (Chikamauga) ในรัฐเวอร์จิเนีย เจคอบถูกกระสุนพุ่งเข้ากลางหน้าผากเต็มๆ ก่อนที่หน่วยของเขาจะถอยทัพกลับไปเนื่องจากคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้ว เขาเล่าว่าเขาสลบไปแต่เมื่อตื่นมาก็รู้สึกชาไปพร้อมเลือดอาบไปทั้งตัว และรู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในพื้นที่ของฝ่ายศัตรูจึงพยุงตัวเองแล้วหาหนทางจนเดินกลับไปยังฝั่งตัวเองได้สำเร็จชนิดที่เพื่อนทหารเองก็คาดไม่ถึง

ท้ายที่สุดรัฐทางเหนือ (รัฐบาลสหรัฐฯ) สามารถปราบฝ่ายใต้จนสำเร็จและประธานาธิบดีสหรัฐฯ อับราฮัม ลินคอล์นก็สามารถผลักดันกฎหมายเลิกทาสได้สำเร็จ ภายหลังจากเสร็จสิ้นสงคราม นายเจคอบ มิลเลอร์ได้รับเหรียญรางวัลในวีรกรรมที่กล้าหาญของทหารอาสา และยังคงใช้ชีวิตตามปกติโดยไม่ได้รับการผ่าตัดกระสุนออกเนื่องจากหมอคิดว่ามันเสี่ยงเกินไป 


เขาจึงต้องใช้ชีวิตโดยมีกระสุนอยู่ในหัวไปอีก 54 ปี และเสียชีวิตลงด้วยอายุ 77 ปี หากจะเรียกคนไหนว่าตายยากลุงรายนี้ต้องมีชื่อติดอยู่ด้วยแน่นอน

รายการบล็อกของฉัน