Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

หนังสือปกหนังมนุษย์ Des destinees de l ame

ค้นหา
Custom Search
ปกหนังสือทำจากหนังคน !?
สำนักข่าว BBC ของอังกฤษเปิดเผยว่าหนังสือ “Des destinees de l”ame” หรือ “จุดหมายของวิญญาณ” ที่อยู่ในห้องสมุดหนังสือหายากของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนังสือที่ปกนั้นทำจากผิวหนังของมนุษย์ 

คาดว่าเป็นหนังสือปกหนังมนุษย์เพียงเล่มเดียวของมหาวิทยาลัยโดยหนังสือปกหนังมนุษย์เล่มนี้อยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2473 ผู้ประพันธ์คือ นายอาร์แซน อูเซ นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส เขาได้มอบหนังสือเล่มนี้ให้แก่นายแพทย์ลูโดวิก บูแลนด์ ในช่วงปี 2423

ต่อมานายแพทย์บูแลนด์ได้ใช้ผิวหนังจากแผ่นหลังคนไข้หญิงซึ่งป่วยเป็นโรคจิตแล้วเสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ มาทำปกหนังสือ 

ข้อเท็จจริงดังกล่าวถูกระบุอย่างชัดเจนไว้ในหนังสือ ซึ่งนายแพทย์บูแลนด์ระบุด้วยว่า หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับจิตวิญาณมนุษย์ควรจะมีปกทำจากมนุษย์เช่นเดียวกัน หน้าปกหนังมนุษย์นี้ไมได้แต่งเติมอะไรลงไปทั้งสิ้น 

เนื่องจากต้องการคงความงามของผิวหนังเอาไว้สำหรับกระบวนการใช้ผิวหนังมนุษย์มาทำปกหนังสือ (anthropodermic bibliopegy) 
นั้นมีมาตั้งแต่คริสตวรรษที่ 16 
โดยส่วนมากจะใช้ผิวหนังนักโทษประหารที่ขออุทิศร่างกางเพื่อวิทยาศาสตร์

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

7 มหาสมบัติลึกลับที่หายไปจากประวัติศาสตร์

👉วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวของ 7 สมบัติที่หายไปจากประวัติศาสตร์ 
โดยจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเคยค้นพบ จนสมบัติบางชิ้นก็กลายเป็นเพียงตำนาน จะมีเรื่องอะไรบ้างไปอ่านกันเลย
สมบัติของโจรสลัดเคราดำ

ค้นหา
Custom Search
ในช่วงปี 1700 โจรสลัดสุดโหดชื่อกระฉ่อนอย่าง “แบล็คเบียร์ด” หรือ “โจรสลัดเคราดำ” ได้สร้างความหวาดผวาไปทั่วท้องทะเลแอตแลนติก ด้วยการออกปล้นทรัพย์สินมีค่ามากมายนับไม่ถ้วนจากทั่วสารทิศด้วยทัพโจรสลัดและอาวุธปืนใหญ่

หลังจากถูกจับกุมในปี 1718 ด้วยฝีมือของเรือโท Robert Maynard ชื่อของแบล็คเบียร์ดก็เหลือไว้เพียงตำนาน ต่อมาในปี 1996 ได้มีการค้นพบซากเรือที่เชื่อว่าเป็นเรือของโจรสลัดเคราดำ แต่กลับไม่พบสมบัติทั้งหลายในตำนานแต่อย่างใด

เพชรที่หายไปของพระเจ้าจอห์น

พระเจ้าจอห์นแห่งอังกฤษนั้นมีชื่อเสียงในด้านการสะสมและขโมยเพชรนิลจินดาจากหลายประเทศมาไว้ในครอบครองหรือแจกจ่ายให้กับกองทัพของตน


ในเดือนตุลาคม 1216 ขณะที่กำลังเดินทางออกจากนอร์ฟอล์ก พระเจ้าจอห์นได้ล้มป่วยอย่างกะทันหันจากโรคบิดจนต้องเดินทางกลับไปยังปราสาท แต่ขบวนรถที่ขนทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดได้ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในแม่น้ำ เครื่องเพชรมูลค่า 2,500 ล้านได้จมหายไปและยังไม่มีผู้ใดเคยพบ

ทองของ Leon Trabuco

ในช่วง Great Depression ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ลดต่ำ
ลงในขณะที่ทองคำมีมูลค่าสูงขึ้น เศรษฐีชาวเม็กซิกัน Leon Trabuco จึงได้จัดการฝังทองคำ 16 ตันของเขาไว้ในทะเลทรายใกล้นิวเม็กซิโก และตั้งใจว่าจะขุดขึ้นมาเมื่อทองมีราคาพุ่งสูงจนพอใจเท่านั้น

แต่เหตุการณ์ Gold Act ในปี 1934 ส่งผลให้การครอบครองทองถือเป็นการทำผิดกฎหมาย Trabuco และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของเขาไม่สามารถนำทองคำทั้งหมดที่ฝังไว้ขึ้นมาได้จนกระทั่งทุกคนเสียชีวิตไปจนหมด โดยทองคำทั้งหมดยังถูกทิ้งไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่งกลางทะเลทรายแห้งแล้ง

 
มนุษย์ปักกิ่ง

ในปี 1930 มีการขุดค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์โบราณเผ่าพันธุ์หนึ่งที่เรียกกันว่า “มนุษย์ปักกิ่ง” แต่เรือที่บรรทุกกระดูกทั้งหมดของมนุษย์ปักกิ่งเพื่อนำไปยังสหรัฐอเมริกาได้จมลงกลางมหาสมุทรในปี 1945 ทำให้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดจมหายไปในท้องทะเล
สมบัติของ Alamo

เชื่อกันว่าสมบัติมากมายถูกทิ้งไว้ในสถานที่ที่เกิดการต่อสู้ระหว่างชาวอเมริกัน 188 คนกับกองทัพเม็กซิกันในปี 1836

ซึ่งสมบัติที่เรียกว่า “San Saba Treasure” ที่ชาวอเมริกันขนมานั้นมีมูลค่าหลายล้านดอลลาร์

ห้องอำพัน

The Amber Room หรือห้องอำพันคือห้องโถงเก็บสมบัติสูง 11 ฟุตที่เต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาและทองคำมากมายนับไม่ถ้วน เชื่อกันว่าแรกเริ่มนั้นสร้างขึ้นเพื่อถวายพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 แห่งปรัสเซีย และต่อมาก็ตกเป็นของจักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซียในปี 1716 โดยมูลค่าทั้งหมดของห้องนี้อยู่ที่ราว 5 พันล้านบาท

The Ark of The Covenant

สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นตำนานชิ้นนี้เชื่อกันว่าออกแบบโดยฝีมือของพระเจ้า หลังจากการต่อสู้ของอาณาจักรบาบิโลเนียและชาวอิสราเอลในช่วง 597-586 ปีก่อนคริสต์ศักราชก็ไม่มีใครพบสมบัติชิ้นนี้ที่เคยอยู่ในวิหารแห่งหนึ่งในกรุงเยรูซาเล็มอีกเลย

เผยความลับแห่งการค้นพบ โครงกระดูกแม่มด ในโปแลนด์

ค้นหา
Custom Search
ความลึกลับที่ยากจะหาข้อพิสูจน์มักเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วไปสนใจใคร่รู้ และจากการขุดค้นเศษซากแห่งประวัติศาสตร์ อาจทำให้บางสิ่งที่ถูกปิดบังไว้เปิดเผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อมีการพบโครงกระดูกลึกลับที่มีหลักฐานให้นักโบราณคดีสันนิษฐานให้เชื่อว่า เจ้าของโครงกระดูกนี้เป็น "แม่มด" 

โดยโครงกระดูกดังกล่าวถูกขุดพบที่สุสานในโปแลนด์โดยนักโบราณคดีที่ชื่อว่า แครอล ปยาเชคสกี้ (Karol Piasecki) เมื่อตรวจดูสภาพของโครงกระดูกแล้วพบก้อนอิฐถมทับและรูที่ปรากฏขึ้นหลายส่วนของโครงกระดูก ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานที่ว่าชาวบ้านสมัยก่อนอาจตื่นกลัวโครงกระดูกของแม่มดนี้ จะฟื้นชีวิตลุกขึ้นมาจากหลุมศพและเที่ยวแก้แค้นหรือทำร้ายคนในหมู่บ้าน หากไม่ยึดโครงกระดูกให้ติดกับพื้นพร้อมทั้งถมทับด้วยก้อนอิฐ

ซึ่งในครั้งแรกที่พบซากโครงกระดูกนั้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น "แวมไพร์" เพราะถูกฝังไกลออกไปจากสุสานใหญ่ แถมมีร่องรอยของพิธีกรรมสะกดวิญญาณอยู่ด้านบนพื้นดินเหนือหลุมศพ แต่เมื่อตรวจ DNA 
จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ“ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานก่อนเสียชีวิตอีกด้วย

สำหรับประเทศโปแลนด์ หญิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นแม่มดมักจะเป็นภรรยาหรือคนรักของบุคคลฐานะมั่งคั่งของสังคม และพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดทันที หลังจากความสัมพันธ์ของเธอกับสามีย่ำแย่ลง หรือยามที่ผู้คนเกลียดชังพวกเธอมาก ๆ โครงกระดูกนี้เชื่อว่าน่าจะถูกฝังมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 หรือ 17

เกรชกอร์ซ คูร์ก้า 
(Grzegorz Kurka) ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก”
นอกจากนี้ เขายังบอกว่าภายในสิ้นปี จะพยายามค้นพบให้ได้ว่าเจ้าของร่างโครงกระดูกนี้มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับโครงใบหน้าเป็นตัวช่วย

เผยที่มาร่องรอยปริศนา ริมแม่น้ำแยงซีเกียง ฟอสซิลเก่าแก่ที่สุดกว่า 550 ล้านปี

ค้นหา
Custom Search
หนานจิง, ทีมวิจัยระดับนานาชาติ
ค้นพบฟอสซิลไบแลเทอเรียนอายุประมาณ 550 ล้านปีในจีน 
ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหลักฐานฟอสซิลของสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มีลักษณะเป็นปล้องและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ซากดึกดำบรรพ์ของ “ยีลิงเจีย สไปซิฟอร์มิส” (Yilingia spiciformis) หรือ สิ่งมีชีวิตคล้ายหนอนสายพันธุ์นี้ถูกพบบริเวณแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งมีลักษณะตรงกับร่องรอยที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งฝากฝังไว้บนโลกก่อนสูญพันธุ์ ไขข้อข้องใจให้แก่นักวิจัย เกี่ยวกับวิวัฒนาการสำคัญของสัตว์ที่มีลักษณะสมมาตรทั้งสองข้าง หรือที่เรียกว่า “ไบแลเทอเรียน” ได้ในที่สุด
การวิจัยครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารธรรมชาติ เมื่อวันพฤหัสบดี ที่แล้วมา 

โดยทีมงานซึ่งประกอบด้วย
นักวิจัยจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินหนานจิง ภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน และ มหาวิทยาลัย เวอร์จิน เทค ในสหรัฐอเมริกา

การกำเนิดของไบแลเทอเรียนที่มีลักษณะร่างกายแบ่งเป็นปล้อง ถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งของวิวัฒนาการสัตว์ยุคแรก
แม้นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์ไว้จากการวิเคราะห์นาฬิกาชีวภาพระดับโมเลกุลว่า สัตว์ไบแลเทอเรียนที่เป็นปล้องและเคลื่อนที่อย่างอิสระ มีชีวิตอยู่ในยุคอีดีแอคารัน  
(635-539 ล้านปีก่อน) แต่ก็ไม่มีหลักฐานฟอสซิลที่น่าเชื่อถือประกอบความคิดนี้

การค้นพบฟอสซิลยีลิงเจีย สไปซิฟอร์มิสครั้งนี้จึงให้ความกระจ่างยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสัตว์ยุคอีดีแอคารัน ที่มีเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถทิ้งร่องรอยการเดินทางไว้ได้ยาวและต่อเนื่องเช่นนี้ได้
การกำเนิดของสัตว์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเช่นนี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในเชิงลึก และท้ายที่สุดก็นำไปสู่การปฏิวัติของซับสเตรตและการผลิตพืชในยุคแคมเบรียน

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

พบ ฟรุตเค้ก อายุ 100 ปี ที่ยังสามารถกินได้

ค้นหา
Custom Search
กลุ่มนักอนุรักษ์พบ ‘ฟรุตเค้ก’ 
อายุ 100 ปี ที่ยังสามารถกินได้!นอกจากการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ต่างๆ แล้ว ก็ยังมีการค้นพบเหล่าวัตถุโบราณต่างๆ ซึ่งวัตถุที่ว่านั้นบางครั้งก็อาจไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณหรือสิ่งของที่มีมูลค่ามากเท่านั้น แต่มันอาจเป็นของกินก็ได้ อย่างเช่น ‘ฟรุตเค้ก’ ชิ้นนี้ที่อยู่ในแอนตาร์กติกามาเป็นเวลานานนับศตวรรษ แถมยังคงอยู่ในสภาพดีเยี่ยม กลิ่นยังโอเคอยู่ และยังสามารถกินได้อีกด้วย

ฟรุตเค้กชิ้นนี้มีอายุมากถึง 100 ปี 
ถูกค้นพบที่แหลมเคปอาแดร์ โดยกลุ่มนักอนุรักษ์ Antarctic Heritage Trust ซึ่งพวกเขา ได้เผยว่า ‘ฟรุตเค้กก้อนนี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ชื่อ Huntley And Palmers และคาดว่าน่าจะเป็นของ Robert Falcon Scott นักสำรวจชาวอังกฤษ โดยจะเห็นได้ว่ามันยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกห่อด้วยกระดาษเอาไว้’

นอกจากมันจะมีอายุมายาวนานแล้ว มันยังมีเบื้องหลังเรื่องราวที่น่าสนใจอีกด้วย เพราะมันถูกพบในกระท่อมหลังหนึ่ง โดยสถานที่แห่งนี้เคยถูก Scott และเพื่อนร่วมสำรวจชาวอังกฤษใช้ในปี 1910-1913 ระหว่างโครงการสำรวจ Terra Nova 

ซึ่งภายหลังจากที่เขาและเพื่อนร่วมสำรวจชาวอังกฤษสามารถพิชิตขั้วโลกใต้ได้สำเร็จก็กลับต้องมาเจอกับเรื่องโชคร้าย เพราะทีมของเขาดันเสียชีวิตระหว่างการเดินทางกลับฐานเสียก่อน
ด้าน Lizzie Meek ผู้จัดการฝ่ายอนุรักษ์โบราณวัตถุขององค์กร Antarctic Heritage Trust จากประเทศนิวซีแลนด์ ได้ออกมากล่าวว่า ‘การค้นพบฟรุตเค้กที่ยังคงมีรูปร่างที่สมบูรณ์ขนาดนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกเป็นอย่างมาก มันเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง ซึ่งเหมาะสำหรับการดำรงชีวิตและการทำงานในแอนตาร์กติกา และแน่นอนว่ามันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสังคมชาวอังกฤษยุคนั้น’
เรียกได้ว่าเป็นการค้นพบที่แปลกประหลาดอยู่เหมือนกันนะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในยุคสมัยนี้ได้มีการค้นพบแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่บ่อยมากจริงๆ แถมหลายๆ สิ่งที่ค้นพบนั้นก็สร้างความประหลาดใจให้ไม่น้อยทีเดียว ส่วนเรื่องฟรุตเค้กร้อยปีนี้ก็น่าเหลือเชื่อเช่นกันที่มันยังสามารถกินได้อยู่ ว่ามั้ย?

นักดูดาวอิตาลีตะลึง เจอวัตถุบินเร็วจี๋ผ่านดวงจันทร์ คาดเป็น UFO 38 ลำ

นักดูดาวชาวอิตาลี สุดประหลาดใจ เห็นวัตถุประหลาดบินเร็วจี๋ผ่านหน้าดวงจันทร์ คาดอาจเป็น จานบิน UFO นับได้ 38 ลำ
ค้นหา
Custom Search

เว็บไซต์ Russia Today รายงานและเผยแพร่คลิปพร้อมกับตั้งคำถาม 38 UFOs? ใช่ UFO หรือไม่? หลังจากมีกลุ่มนักดาราศาสตร์มือสมัครเล่น อ้างว่า พบวัตถุบินไม่สามารถระบุเอกลักษณ์ได้ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า จานบิน หรือจานผี UFO จำนวนถึง 38 ลำ เคลื่อนตัวผ่านดวงจันทร์ด้วยความเร็ว ซึ่งมีนักดาราศาสตร์ในกรุงโรม อิตาลี ถ่ายไว้ได้

ขณะที่เว็บไซต์ anonews แจ้งว่า  TBV Investigation ได้รับการติดต่อเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าว ระบุ นายอเลซซิโอ นักดูดาวชาวอิตาลี ได้พบจานบิน UFOs บินผ่านดวงจันทร์ จากจุดที่เห็นคือเหนือท้องฟ้ากรุงโรม อิตาลี เมื่อวันที่ 29 ก.ค.61 โดยคลิปวิดีโอนี้ กลุ่มนักดูดาวมือสมัครเล่น ที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า ‘Black Vault’ เขียนแจ้งมายัง TBV Investigation ว่า

‘สวัสดี ฉันเป็นเพื่อนของ.... และฉันต้องการรายงานสิ่งที่ได้เห็น
มันเป็นวันหลังจากเกิดปรากฏการณ์ Blood Moon พระจันทร์สีเลือด คืนนั้นท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส และฉันได้ใช้อุปกรณ์ในการดูและถ่ายรูป-คลิปวิดีโอพระจันทร์ ประกอบด้วย
-Sky-Watcher Masksutov SkyMax127/500 OTA
-T2 ring
-Pentax HD DA AF1.4x rear conventer
-Pentax K-70
ขอบคุณที่ให้ความสนใจ, ด้วยความนับถือ
จากคำอธิบายของคลิปวิดีโอ ทางกลุ่ม Black Vault บอกว่านับจำนวนวัตถุบินได้ 38 ลำ ซึ่งทางเทคนิคแล้ว UFO คือ วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ หรือแม้แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นนก คุณก็ไม่ถูกต้องที่จะเรียกพวกมันว่า UFO ถ้ายังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร

รายการบล็อกของฉัน