ค้นหา
ความลึกลับที่ยากจะหาข้อพิสูจน์มักเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วไปสนใจใคร่รู้ และจากการขุดค้นเศษซากแห่งประวัติศาสตร์ อาจทำให้บางสิ่งที่ถูกปิดบังไว้เปิดเผยความจริงอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อมีการพบโครงกระดูกลึกลับที่มีหลักฐานให้นักโบราณคดีสันนิษฐานให้เชื่อว่า เจ้าของโครงกระดูกนี้เป็น "แม่มด"
Custom Search
โดยโครงกระดูกดังกล่าวถูกขุดพบที่สุสานในโปแลนด์โดยนักโบราณคดีที่ชื่อว่า แครอล ปยาเชคสกี้ (Karol Piasecki) เมื่อตรวจดูสภาพของโครงกระดูกแล้วพบก้อนอิฐถมทับและรูที่ปรากฏขึ้นหลายส่วนของโครงกระดูก ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานที่ว่าชาวบ้านสมัยก่อนอาจตื่นกลัวโครงกระดูกของแม่มดนี้ จะฟื้นชีวิตลุกขึ้นมาจากหลุมศพและเที่ยวแก้แค้นหรือทำร้ายคนในหมู่บ้าน หากไม่ยึดโครงกระดูกให้ติดกับพื้นพร้อมทั้งถมทับด้วยก้อนอิฐ
ซึ่งในครั้งแรกที่พบซากโครงกระดูกนั้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น "แวมไพร์" เพราะถูกฝังไกลออกไปจากสุสานใหญ่ แถมมีร่องรอยของพิธีกรรมสะกดวิญญาณอยู่ด้านบนพื้นดินเหนือหลุมศพ แต่เมื่อตรวจ DNA
จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ“ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานก่อนเสียชีวิตอีกด้วย
จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ“ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานก่อนเสียชีวิตอีกด้วย
สำหรับประเทศโปแลนด์ หญิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นแม่มดมักจะเป็นภรรยาหรือคนรักของบุคคลฐานะมั่งคั่งของสังคม และพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดทันที หลังจากความสัมพันธ์ของเธอกับสามีย่ำแย่ลง หรือยามที่ผู้คนเกลียดชังพวกเธอมาก ๆ โครงกระดูกนี้เชื่อว่าน่าจะถูกฝังมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 หรือ 17
เกรชกอร์ซ คูร์ก้า
(Grzegorz Kurka) ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก”
(Grzegorz Kurka) ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก”
นอกจากนี้ เขายังบอกว่าภายในสิ้นปี จะพยายามค้นพบให้ได้ว่าเจ้าของร่างโครงกระดูกนี้มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับโครงใบหน้าเป็นตัวช่วย