Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562

Glass Beach หาดทรายมหัศจรรย์ ที่เกิดจาก กองขยะ


หาดทรายสุดสวยที่ทุกคนเห็นอยู่นี้ มีชื่อว่า Glass Beach (กลาส บีช) ซึ่งความงามอันน่าดึงดูดทั้งหมดเกิดขึ้นจากกองขยะที่เป็นเศษแก้วจำนวนมหาศาล หลังจากเวลาผ่านไปหลายสิบปี เศษแก้วเหล่านี้ถูกขัดเกลาด้วยกระแสคลื่นลม ผสมเม็ดทรายในท้องทะเล จนกลายเป็นหาดทรายแก้วหลากสีสันสวยงามสะดุดตาอย่างที่ทุกคนเห็น

หาดทรายแก้ว Glass Beach ตั้งอยู่ที่เมือง Fort Bragg ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์รวมขยะกองโต และในปี ค.ศ.1967 ได้มีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจัดการกับเศษแก้วเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ให้หมดไปได้
เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี เศษเล็กเศษน้อยของแก้วและกระจกต่าง ๆ ที่ฝังรากเป็นอณูแฝงถูกคลื่นลมซัดเข้าทุกวัน

ซึ่งพลังลมแห่งธรรมชาติได้ช่วย แต่ง ซัด ขัด เกลา จนเศษแหลมคมที่มีอยู่เกลื่อนกลาดบนหาด กลายเป็นผลึกแก้วที่ไร้ความคม พวกมันกลมมนสร้างสีสันสวยงามจนเกิดเป็นหาดทรายแก้ว Glass Beach
ปัจจุบัน หาดทรายแก้ว Glass Beach อยู่ในความดูแลของอุทยาน MacKerricher State Park  (อุทยานแมคเคอริคเชอร์) ซึ่งเจ้าหน้าที่จะคอยสอดส่องดูแล 

เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่แอบเก็บหินสีกลับไป จนทำให้ปริมาณหินในหาดทรายเหลือน้อยลง
fact – เกาะมาดากัสการ์ เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศสเปน อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น แหล่งวัตถุดิบอัญมณีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก อัญมณีที่ขุดพบได้ที่นี่มีหลากหลายชนิดทั้งทับทิม ไพลิน บุษราคัม แฟนซีแซปไฟร์ มรกต โทแพซ เพทาย ฯลฯ
Glass Beach

พบแอ่งบูชายัญเด็ก ถูกบูชายัญนับร้อยในทีเดียว-ครั้งใหญ่สุด

ค้นพบ ซากนักโบราณฯ และพบแอ่งบูชายัญเด็ก
(ถูกบูชายัญนับร้อยในที่เดียว-ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์)

เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2018 National Geographic ได้เปิดเผยเรื่องราวของคณะนักสำรวจและนักโบราณคดี ที่ได้ขุดค้นพบศพเด็กราวๆ 140 ศพ อายุระหว่าง 5-14 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่า ศพของเด็กๆเหล่านี้คือเหยื่อของพิธีกรรมบูชายัญหมู่ในอดีต เมื่อประมาณ 550 ปีก่อน โดยขุดค้นพบ ณ ที่แห่งหนึ่ง ประเทศเปรู (ใกล้เมืองทรูฮีโย เมืองชายฝั่งด้านเหนือของประเทศ)

นอกจากนี้ข้างๆโครงกระดูกเด็ก ยังมีร่างของตัวลามะ และยามา กว่า 200 ตัว ซึ่งทุกตัวมีอายุ
ไม่เกิน 18 เดือน ถูกฆ่าบูชายัญเช่นกัน

เหยื่อมีรอยตัดกระดูก กระดูกสันอก กระดูกตรงกลางหน้าอก กระดูกซี่โครงหลายซี่ รวมถึงมีสิ่งที่บ่งบอกว่าหัวใจของเด็กๆ ถูกควักออกมา และเด็กทุกคนจะต้องถูกทาหน้าให้เป็นสีแดง และเหยื่อผู้นั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรงและสุขภาพดี
 ฮาเกน เคลาส์ นักมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน เปิดเผยกับ National Geographic ว่าการบูชายัญผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไปในยุคสมัยโบราณ ซึ่งสาเหตุที่เด็กๆต้องถูกบูชายัญแทนที่จะเป็นผู้ใหญ่ก็เพราะ เมื่อคนโบราณนำเหยื่อที่เป็นผู้ใหญ่มาบูชายัน เพื่อขอให้สภาพอากาศที่เลวร้ายอยู่ตอนนั้นดีขึ้น เพื่อที่จะได้ทำการเกษตรปลูกผักหรือปลูกข้าว แต่กลับไม่เป็นผล
โครงกระดูกของเหยื่อทั้งหมดถูกจัดวางในลักษณะที่ศีรษะหันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศของทะเล จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ปกครองอาณาจักรชิมูในยุคนั้นต้องการจะบวงสรวงเทพเจ้าแห่งน้ำหรือทะเล และภัยธรรมชาติที่คุกคามผู้คนในยุคโบราณอาจไม่ใช่ฝนกระหน่ำ แต่อาจรวมถึงภัยจากทะเล
เช่น ‘สึนามิ’

ซึ่งจากการตรวจสอบคาร์บอนในสิ่งของที่พบ จำพวกผ้า คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะอยู่ในช่วง ค.ศ.1400-1450 และเมื่อตรวจสอบชั้นโคลนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจเผชิญกับฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่แห้งแล้ง จากปรากฎการณ์แผ่นดินไหว

และจากหลักฐานทั้งหมดทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่า หลุมฝังศพและพิธีกรรมนี้ เป็นฝีมือของอาณาจักรชิมูโบราณ ที่บูชาพระอาทิตย์และดวงจันทร์

ต่อมาถูกะอาณาจักรอินคาเข้ายึดครอง จนกระทั่งยุคสมัยผ่านไปจึงถูกสเปนเข้ายึดครองในที่สุด

Credit : burai

รายการบล็อกของฉัน