เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2018 National Geographic ได้เปิดเผยเรื่องราวของคณะนักสำรวจและนักโบราณคดี ที่ได้ขุดค้นพบศพเด็กราวๆ 140 ศพ อายุระหว่าง 5-14 ปี จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่า ศพของเด็กๆเหล่านี้คือเหยื่อของพิธีกรรมบูชายัญหมู่ในอดีต เมื่อประมาณ 550 ปีก่อน โดยขุดค้นพบ ณ ที่แห่งหนึ่ง ประเทศเปรู (ใกล้เมืองทรูฮีโย เมืองชายฝั่งด้านเหนือของประเทศ)
นอกจากนี้ข้างๆโครงกระดูกเด็ก ยังมีร่างของตัวลามะ และยามา กว่า 200 ตัว ซึ่งทุกตัวมีอายุ
ไม่เกิน 18 เดือน ถูกฆ่าบูชายัญเช่นกัน
ไม่เกิน 18 เดือน ถูกฆ่าบูชายัญเช่นกัน
เหยื่อมีรอยตัดกระดูก กระดูกสันอก กระดูกตรงกลางหน้าอก กระดูกซี่โครงหลายซี่ รวมถึงมีสิ่งที่บ่งบอกว่าหัวใจของเด็กๆ ถูกควักออกมา และเด็กทุกคนจะต้องถูกทาหน้าให้เป็นสีแดง และเหยื่อผู้นั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรงและสุขภาพดี
ฮาเกน เคลาส์ นักมานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน เปิดเผยกับ National Geographic ว่าการบูชายัญผู้ใหญ่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไปในยุคสมัยโบราณ ซึ่งสาเหตุที่เด็กๆต้องถูกบูชายัญแทนที่จะเป็นผู้ใหญ่ก็เพราะ เมื่อคนโบราณนำเหยื่อที่เป็นผู้ใหญ่มาบูชายัน เพื่อขอให้สภาพอากาศที่เลวร้ายอยู่ตอนนั้นดีขึ้น เพื่อที่จะได้ทำการเกษตรปลูกผักหรือปลูกข้าว แต่กลับไม่เป็นผล
โครงกระดูกของเหยื่อทั้งหมดถูกจัดวางในลักษณะที่ศีรษะหันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศของทะเล จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ปกครองอาณาจักรชิมูในยุคนั้นต้องการจะบวงสรวงเทพเจ้าแห่งน้ำหรือทะเล และภัยธรรมชาติที่คุกคามผู้คนในยุคโบราณอาจไม่ใช่ฝนกระหน่ำ แต่อาจรวมถึงภัยจากทะเล
เช่น ‘สึนามิ’
เช่น ‘สึนามิ’
ซึ่งจากการตรวจสอบคาร์บอนในสิ่งของที่พบ จำพวกผ้า คาดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะอยู่ในช่วง ค.ศ.1400-1450 และเมื่อตรวจสอบชั้นโคลนพบว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจเผชิญกับฝนตกหนักและน้ำท่วมในพื้นที่แห้งแล้ง จากปรากฎการณ์แผ่นดินไหว
และจากหลักฐานทั้งหมดทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่า หลุมฝังศพและพิธีกรรมนี้ เป็นฝีมือของอาณาจักรชิมูโบราณ ที่บูชาพระอาทิตย์และดวงจันทร์
ต่อมาถูกะอาณาจักรอินคาเข้ายึดครอง จนกระทั่งยุคสมัยผ่านไปจึงถูกสเปนเข้ายึดครองในที่สุด
ต่อมาถูกะอาณาจักรอินคาเข้ายึดครอง จนกระทั่งยุคสมัยผ่านไปจึงถูกสเปนเข้ายึดครองในที่สุด
Credit : burai