Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

นักโบราณคดีจีนพบซาก โรงต้มเหล้า ใหญ่สุดในประเทศ


นักโบราณคดีจีนพบซาก
 ‘โรงต้มเหล้า’ ใหญ่สุดในประเทศ

เหอเฝย, (ซินหัว)
🔜 สถาบันมรดกและโบราณคดีมณฑลอานฮุยทางตะวันออกของจีน เปิดเผยว่าคณะนักโบราณคดีจีนได้ค้นพบซากโรงกลั่นสุราโบราณ ซึ่งสันนิษฐานว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในประเทศ

รายงานระบุว่าซากโรงกลั่นสุรามีอายุย้อนกลับไปในยุคราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644) จนถึงราชวงศ์ชิง
(ค.ศ.1644-1911) ของจีน และถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยกลุ่มคนงานก่อสร้างในอำเภอซุยซี เมืองหวายเป่ยของอานฮุย

เฉินฉาว ผู้ช่วยนักวิจัยประจำสถาบันฯ กล่าวว่าคณะนักโบราณคดีขุดสำรวจพื้นที่ราว 3,000 ตารางเมตรจากทั้งหมด 18,000 ตารางเมตร และค้นพบสิ่งอำนวยความสะดวกต่อการทำสุรากลั่นในสมัยโบราณ อาทิ เตากลั่น 3 เตา และถังหมักมากกว่า 30 ใบ

ขณะเดียวกันนักโบราณคดียังค้นพบวัตถุโบราณมากกว่า 600 ชิ้น อาทิ ภาชนะเครื่องดื่ม ที่ต่อยาสูบ และขวดยานัตถุ์ โดยปัจจุบันภารกิจการขุดสำรวจซากโรงกลั่นสุราขนาดใหญ่แห่งนี้ยังคงเดินหน้าต่อไป

“นับเป็นซากโรงกลั่นสุราโบราณแห่งที่ 4 ที่คณะนักโบราณคดีจีนขุดค้นพบ ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือที่ค้นพบในสภาพสมบูรณ์ดีสะท้อนศิลปะความเชี่ยวชาญการทำสุรากลั่นในพื้นที่ตอนเหนือของจีน” เฉินกล่าว
อนึ่ง ก่อนการค้นพบซากโบราณสถานแห่งนี้ มีการค้นพบซากโรงกลั่นสุราโบราณ 2 แห่งในมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ และอีกหนึ่งแห่งในมณฑลเจียงซีทางตะวันออกของจีน

ผ่าชันสูตรร่างมัมมี่หญิงชาวจีนอายุ 2,000 ปีนักวิทย์ฯทั่วโลกต่างทึ่งกับการรักษาสภาพศพ


ผ่าชันสูตรร่างมัมมี่หญิงชาวจีนอายุ 2,000 ปีอันโด่งดัง
ที่นักวิทย์ฯทั่วโลกต่างทึ่งกับ
การรักษาสภาพศพ

     ว่ากันว่า มัมมี่ของสตรีชาวจีนอายุกว่า 2,000 ปี นามว่า "ชินชุ่ย"
(Xin-Zhui ) คือมัมมี่ที่เหนือกว่ามัมมี่ใดๆในโลก แม้แต่อียิปต์เองก็ตาม วันนี้เราจึงขอนำสารคดีการชันสูตรร่างของเธอมาให้ชม 
   "ชินชุ่ย" เป็นสตรีชาวจีนที่เสียชีวิตเมื่อประมาณ 160 ปีก่อนคริสตกาล เธอเป็นถึงระดับภรรยาของขุนนางแห่งไต๋ มัมมี่ของเธอถูกค้นพบครั้งแรกในสุสานที่ภูเขาหม่าหวังตุ้ย

ในปี 1972  ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของมนฑลหูหนาน ศาสตราจารย์เฟิงหลวงเฉียง ได้เป็นผู้นำในการชันสูตรร่างของเธอ อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกยังคงตั้งคำถามว่าบรรพบุรุษจีนโบราณสามารถเก็บรักษามัมมี่ในสภาพดีขนาดนี้ได้อย่างไร
 เธอมีเลือดกลุ่มบี สภาพศพของเธอดูเหมือนจะหดลง และรอยย่นบนผิวหนังบอกให้รู้ว่าในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน มีน้ำหนัก 68 กิโลกรัม ซึ่งสันนิษฐานว่าเธอเป็นคนที่รักการกินทีเดียว

อีกทั้งหลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบในบริเวณสุสานของเธอจำนวนกว่า 1,000 ชิ้น จำนวน 2 ใน 3 เป็นอาหารและภาชนะประกอบอาหารแทบทั้งสิ้น


    อย่างไรก็ตามทีมผู้เชี่ยวชาญพบว่า อวัยวะส่วนต่างๆของชินชุ่ย ยังคงสภาพเหมือนเดิม น่าประหลาดใจจริงๆที่ชาวจีนสมัยโบราณรู้จักวิธีรเก็บกษาศพแบบมัมมี่ได้ดีขนาดนี้
แม้แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยังไม่สามารถเก็บรักษามัมมี่อายุ 2,000 ปีแบบนี้
Xin-Zhui 

พบซากมือมัมมี่ปริศนาที่ว่ากันว่านี่เป็นมือของ ‘มนุษย์ต่างดาว’


เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้ค้นพบซากมือมัมมี่ปริศนา ณ ดินแดนแห่งอาณาจักรอินคา จุดกำเนิดอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยปริศนาชวนพิศวง ดินแดนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการค้นพบสิ่งลี้ลับที่ไม่สามารถหาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ได้ 

และการค้นพบซากมือมัมมี่ปริศนาในครั้งนี้ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่า ไม่ใช่ ‘มือ’ ของมนุษย์แต่อย่างใด

เมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา ‘ไบรอัน ฟอร์เอสเตอร์’ (Brien Foerster) นักวิจัยและนักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ได้เผยแพร่รูปภาพของซากมือประหลาดที่มีนิ้วยาวกว่านิ้วมือของมนุษย์ปกติทั่วไปและมันมีเพียง 3 นิ้วเท่านั้น! ไบรอันอ้างว่า เขาได้รับซากมือปริศนาชิ้นนี้มาจากชนพื้นเมือง 

ซึ่งพบซากมือปริศนานี้ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในทะเลทราย ทางตอนใต้ของประเทศเปรู และผลจากการเอ็กซเรย์ซากมือที่ว่า เผยให้เห็นชั้นผิวหนัง และกระดูกข้อต่อของนิ้ว ที่มีจำนวนมากกว่าและยาวผิดมนุษย์!

การค้นคว้าวิจัยเพื่อหาที่มาที่ไปของซากมือปริศนานี้ จะมีขึ้นในอีกไม่ช้าโดย Dr.Julio Cesar Acosta จาก University of São Paulo ประเทศบราซิล หากแต่กว่าที่จะได้รู้ความจริงว่า ซากมือปริศนาคือมือของสิ่งมีชีวิตชนิดไหนกันแน่ บางคนเชื่อว่า ที่ซากของมือมีลักษณะประหลาดเช่นนี้อาจจะเป็นผลจากการทำพิธีกรรมบางอย่างของชาวอินคาในสมัยนั้น เช่น การทรมานร่างกายเพื่อทำพิธีบูชายัญ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่านี่คือซากมือมัมมี่ของ ‘มนุษย์ต่างดาว’ 
เพราะด้วยลักษณะที่ยาวผิดปกติ และพื้นที่ที่ค้นพบซากมือนั้น มีผู้พบเห็น ‘UFO’ เป็นประจำ อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าซากมือนี้คืออะไรกันแน่ ก็ต้องรอจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ต่อไป

รายการบล็อกของฉัน