การค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกของชีวิตของแม่และเด็กรวมถึงครอบครัวในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการให้อาหารและโภชนาการแก่ทารกในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงมากกับชีวิตของทารกเพราะการตายของเด็กจะสูง และในยุคนั้นที่ยังไม่มียาปฏิชีวนะเป็นสิ่งที่นักวิจัยหลายรายสนใจ เนื่องจากการวิจัยในปัจจุบันเผยว่า นมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อจะมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากแบคทีเรียและสามารถแพร่เชื้อโรคจากสัตว์ได้
สิ่งที่น่าสนใจก็คือทารกยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้รับอาหารและเลี้ยงดูอย่างไร แต่เมื่อเร็วๆนี้การพบหลักฐานภาชนะดินเหนียวที่ขุดพบในเยอรมนี นักวิจัยจากวิทยาลัยเคมีของมหาวิทยาลัยบริสตอล ในอังกฤษ ได้ตรวจสอบภาชนะโบราณนี้
โดยวิเคราะห์สารอินทรีย์ตกค้าง สันนิษฐานว่าภาชนะดังกล่าวน่าจะเปรียบเสมือนขวดนมที่ให้เด็กดื่มนมหลังจากหย่านมแม่เมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว และเป็นไปได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาในยุคสัมฤทธิ์และยุคเหล็กในทวีปยุโรป ชี้ให้เห็นว่าพ่อแม่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาจไม่แตกต่างจากพ่อแม่ยุคใหม่
โดยวิเคราะห์สารอินทรีย์ตกค้าง สันนิษฐานว่าภาชนะดังกล่าวน่าจะเปรียบเสมือนขวดนมที่ให้เด็กดื่มนมหลังจากหย่านมแม่เมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว และเป็นไปได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาในยุคสัมฤทธิ์และยุคเหล็กในทวีปยุโรป ชี้ให้เห็นว่าพ่อแม่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาจไม่แตกต่างจากพ่อแม่ยุคใหม่
และจากการวิเคราะห์ซากโครงกระดูกเด็กจากช่วงเวลานั้น เผยว่ามีการให้อาหารเสริมแก่เด็กทารกเมื่ออายุประมาณ 6 เดือนและหย่านมเสร็จสมบูรณ์เมื่ออายุ 2-3 ขวบ ภาชนะเหล่านี้มีรูปทรงแตกต่างและขนาดเล็กมาก มีพวยกาที่ของเหลวอาจถูกเทออกมาหรือใช้ปากดูดได้
ภาชนะลักษณะนี้จะพบเห็นได้ยากในบริเวณขุดค้นซากโบราณคดี อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดถึงการใช้งานจริงของภาชนะว่าใช้กับอาหารประเภทใด
ภาชนะลักษณะนี้จะพบเห็นได้ยากในบริเวณขุดค้นซากโบราณคดี อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดถึงการใช้งานจริงของภาชนะว่าใช้กับอาหารประเภทใด